การเตรียมเอกสารการลงทะเบียนเรียนต่อที่ประเทศจีน


     

บรรยากาศการตากแดดต่อแถวลงทะเบียนเรียนของนักเรียนใหม่

ครั้งก่อนได้พูดถึงการลงทะเบียนเรียนที่จีนที่ช้ามาก  เรียกได้ว่าเต่าเรียกย่าเลยทีเดียว  แต่ยังไงนักเรียนต่างชาติทุกคนก็ต้องผ่านมันไปให้ได้  เอาล่ะ  เรามาดูกันว่าเราจะต้องเตรียมเอกสารอะไรกันบ้าง

เอกสารที่สำคัญในการลงทะเบียนเรียน

     1  เมื่อมหาวิทยาลัยส่งจดหมายตอบรับเข้าเรียนกลับมาถึงมือเรา  ในซองจะมีใบ Visa Application for Study in China  หรือที่เรียกกันว่าใบ  JW202  ใบนี้เป็นใบสำคัญมากให้ถ่ายเอกสารไว้หลาย ๆ ชุดและเก็บไว้ให้ดีนะคะ  เพราะเป็นใบที่ต้องเอาไปทำวีซ่า  หลังจากนั้นเข้าเว็บไซต์ของสถานทูตจีน ไปอ่านรายละเอียดต่างๆและโหลดแบบฟอร์มการขอวีซ่า  กรอกรายละเอียดให้เรียบร้อย

     2  เมื่อได้ใบ JW202  ให้รีบไปตรวจร่างกายค่ะ  โดยมีข้อกำหนดว่าต้องเป็นโรงพยาบาลของรัฐเท่านั้น  ของจขบ.เลือกไปตรวจที่โรงพยาบาลศิริราช  ไปครั้งแรกไม่ทัน  กลับบ้านคอตกเลย  โรงพยาบาลบางแห่งจะมีกำหนดเวลาว่าถ้าจะมาขอใบตรวจสุขภาพต้องมาก่อนกี่โมง  เช่นที่โรงพยาบาลศิริราช  ต้องมาก่อนแปดโมงเช้า(ในที่นี้คือรวมเวลาทำบัตรผู้ป่วยและวิ่งมาส่งเอกสารที่หน้าฝ่ายตรวจนะ)  และต้องแจ้งด้วยว่าตรวจสุขภาพเพื่อนำไปทำวีซ่าเรียนต่อต่างประเทศ  เราต้องปริ้นเอกสารตรวจสุขภาพจากเว็บสถานทูตไปด้วยและอย่าลืมรูปถ่ายหนึ่งใบต่อหนึ่งชุด  เมื่อยืนเอกสารเรียบร้อยก็จะมีพยาบาลคอยบอกให้เราไปตรวจอะไรที่ไหนอย่างไร  และสุดท้ายเราจะได้เจ้าไปพูดคุยเล็กน้อยกับคุณหมอที่จะเซ็นต์เอกสารรับรองการตรวจให้เรา  เราสามารถขอเอกสารสองชุดก็ได้นะคะ  ถ้าจะขอคุณหมอสองชุดก็เตรียมเอกสารและรูปถ่ายไปอย่างละสองชุดให้เรียบร้อยก่อนถึงโรงพยาบาลนะ  การขอเอกสารสองชุดเป็นการเผื่อเหลือเผื่อขาดที่แนะนำเลย   สถานีต่อไป  ยื่นขอวีซ่าสิคะ  จะรออะไร

     3  เมื่อเอกสารครบแล้ว  เราก็รีบไปขอวีซ่ากันที่สถานกงสุลกัน  ข้อมูลด้านล่างนำมาจากเว็บไซต์สถานทูตจีนประจำประเทศไทย

<< การขอวีซ่าทุกประเภทต้องยื่นเอกสารดังต่อไปนี้

(1) หนังสือเดินทาง ----- ต้องมีอายุการใช้งานเหลือมากกว่า 6 เดือน หนังสือเดินทางต้องมีหน้าวีซ่าว่างพร้อมสำเนาหน้าข้อมูลของหนังสือเดินทาง 1 ใบ

(2) กรอกแบบฟอร์มขอวีซ่า ------《แบบฟอร์มขอวีซ่าสาธารณรัฐประชาชนจีน》( Form V.2011A) 1 ใบ สำหรับ ผู้ที่ยื่นขอเพื่อจะมาทำงานในจีน (วีซ่าชนิด “ Z ”) ศึกษาเล่าเรียน (วีซ่าชนิด “ X ”) ประชาชนในประเทศที่ 3 และบุคคลที่มีผู้ติดตามที่ใช้หนังสือเดินทางเล่มเดียวกัน ต้องกรอก《เอกสารแนบท้าย แบบฟอร์มขอวีซ่าสาธารณรัฐประชาชนจีน》1 ใบ กรุณากรอกรายละเอียดให้ครบถ้วนพร้อมเซ็นชื่อ

(3) รูปถ่าย ----- ขนาด 2 นิ้ว (48 มม. X 33 มม.) เป็นรูปถ่ายปัจจุบัน หน้าตรง รูปสี ไม่สวมหมวก รูปถ่ายที่ใช้ในหนังสือเดินทาง 1 รูป ประชาชนอเมริกาต้องใช้รูปถ่าย 2 รูป และติดรูปถ่ายในแบบฟอร์มขอวีซ่า

(4) หนังสือเดินทางจีนเล่มเดิม ----- ผู้ที่เกิดในประเทศจีน (รวมฮ่องกง มาเก๊า ไต้หวัน) แล้วมีการโอนสัญชาติเป็นต่างชาติในภายหลัง เมื่อขอวีซ่าครั้งแรก ให้ยื่นหนังสือเดินทางจีนเล่มเดิม พร้อมสำเนาหน้าข้อมูลที่มีรูปถ่ายและหน้าต่ออายุ ของหนังสือเดินทาง (ถ้ามี)

(5) เอกสารหลักฐานการเปลี่ยนชื่อ-นามสกุล ----- หากชื่อ-นามสกุลที่ระบุในหนังสือเดินทางเล่มใหม่กับหนังสือเดนทางเล่มเดิมไม่ตรงกัน ให้ยื่นเอกสารหลักฐานการเปลี่ยนชื่อ-นามสกุลที่ทางราชการออกให้การยื่นขอวีซ่า***

* นักเรียน (วีซ่าชนิด “ X ”) ----- 《หนังสือตอบรับเข้าเรียน》หรือ 《แบบฟอร์มขอวีซ่านักเรียนต่างชาติในจีน》(JW201 หรือ JW202) ที่ออกโดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของจีน ฉบับจริงและสำเนา (การยื่นขอเพื่อศึกษาในระยะสั้นและฝึกงานในระยะไม่เกิน 6 เดือน ก็ต้องยื่นเอกสารทั้งสองนี้เช่นกัน)

* นักเรียนที่ยื่นขอศึกษาชั้นมัธยมและประถม (เกิน 6 เดือน) บิดา มารดาต้องพำนักถาวรในจีนหรือมอบหมายให้ผู้ที่พำนักถาวรในจีนเป็นผู้อุปการะ และหนังสือมอบหมายดังกล่าวต้องรับรองนิติกรโดยกระทรวงการต่างประเทศประเทศไทย และสถานทูตจีนประจำประเทศไทย

* นักเรียนที่ยื่นขอศึกษาในสถาบันอุดมศึกษา (เกิน 6 เดือน) ยังต้องยื่นเอกสารรับรองการตรวจร่างกายที่ออกโดยหน่วยงานสาธารณสุขของรัฐทั้งฉบับจริงและสำเนา

* หลังจากผู้ถือวีซ่าเดินทางเข้าประเทศแล้ว ภายใน 30 วัน ต้องยื่นคำร้องขอพำนักระยะยาวในประเทศจีนต่อหน่วยงานสันติบาลในพื้นที่>>

4  เมื่อเดินทางมารับหนังสือเดินทางและวีซ่าประเภท X1 สีเขียว ๆ  ทีนี้เราก็พร้อมเดินทางแล้ว

5  ถ่ายเอกสารทุกอย่างให้พร้อมก่อนเดินทางไปเรียนต่อ  ไม่ว่าจะเป็นสำเราวีซ่า  สำเนาพาสปอร์ต  ใบเอกสารต่าง ๆ  ถ่ายเอกสารไว้เผื่อเหลือเผื่อขาดด้วยนะ

6  นอกจากนี้เมื่อเดินทางถึงประเทศจีน  ก่อนลงทะเบียนเรียนได้  เราต้องมีใบที่อยู่  โดยแยกได้ดังนี้

(1)     เด็กหอใน  เมื่อเดินทางถึงประเทศจีนและติดต่อเรื่องห้องพักกับทางมหาวิทยาลัยเสร็จแล้ว  การเข้าหอในต้องถอใบ JW202  ( เห็นมั้ย  ใบนี้สำคัญแค่ไหน )  มายืนยันกับทางหอในว่าเราเป็นนักเรียนจริง  ทางหอพักจะขอเอกสารใบรับเข้าเรียน  สำเนาพาสปอร์ตและสำเนาวีซ่า  หลังจากนั้นทางหอพักจะออกใบสีขาวเล็ก ๆ ให้นักเรียนหนึ่งใบ  ชื่อว่า Registration Form of Temporary Residence  ใบนี้ก็สำคัญ  เก็บดี ๆ เพราะต้องใช้ตอนลงทะเบียนเรียนและเป็นเสมือนใบที่อยู่ของเรา

 หน้าตาของใบRegistration Form of Temporary Residence

(2)    เด็กหอนอก  อาจจะลำบากกว่าเด็กหอในหน่อย  ลำบากมากลำบากน้อยขึ้นอยู่กับเอเจนซี่ที่หาบ้านให้เราและเจ้าของบ้าน  อย่างเพื่อนที่จขบ. รู้จัก  ส่วนใหญ่เอเจนซี่จะไปเป็นเพื่อนและช่วยดำเนินการติดต่อเอกสารให้  แต่ของจขบ.เจ้าของบ้านลงมาทำเองทุกอย่างเลย  ช่วยตั้งแต่ขนของเข้าห้องจนถึงไปทำเอกสารใบที่อยู่  ซึ่งที่จีนค่อนข้างเคร่งกับการเข้ามาอยู่ของชาวต่างชาติในพื้นชชุมชนของชาวจีน  อย่างแรกต้องไปแจ้งแถวบ้านค่ะ  จะมีสถานีเล็ก ๆ คอยตรวจสอบและบันทึกการเข้าออกของผู้คนในบริเวณนั้น ๆ  เราต้องไปแจ้งว่าเรามาอยู่ที่ห้องไหนตึกไหนเจ้าของชื่ออะไร  เรามาทำอะไร  เตรียมเอกสารพวกวีซ่าและสำเนาให้เรียบร้อยค่ะ  หลังจากนั้นจะได้ใบกระดาษจากที่นี่มา  ขั้นตอนต่อไปคือไปสถานีตำรวจค่ะ  ไปยื่นเรื่องว่าเราเข้ามาอยู่แล้ว  หลังจากนั้นตำรวจจะออกใบ  Registration Form of Temporary Residence  มาให้เช่นเดียวกับเด็กหอในค่ะ  แต่ในขั้นตอนนี้ของเด็กหอนอกก็จะเสียเวลาไปอีกประมาณครึ่งวัน

7  ต้องทำเอกสารใบประกันด้วยนะ  ทำกับทางมหาวิทยาลัย

8  ต้องเอาวีซ่าไปเปลี่ยนด้วย  ตอนแรกเราจะได้วีซ่าสีเขียว ๆ มาจากเมืองไทย  เมื่อมาถึงเมืองจีนหลังลงทะเบียนเสร็จต้องเอาวีซ่าไปเปลี่ยนประเภทเป็นวีซ่าสีม่วง ๆ  ใช้เวลาทำประมาณสองอาทิตย์    ระหว่างที่เอาพาสปอร์ตไปเปลี่ยนวีซ่า  เราต้องถือตัวสำเนาพาสปอร์ตที่เราเตรียมไว้นะ   นอกจากนี้ถ้ามีแพลนจะไปเที่ยวไหนอะไรอย่างไรที่ต้องใช้พาสปอร์ตให้บอกเจ้าหน้าที่ก่อนจะส่งวีซ่าให้  เพื่อที่เจ้าหน้าที่จะออกใบสีเหลือง ๆ ใช้แทนพาสปอร์ตและวีซ่าเมื่อเราเดินทางไปท่องเที่ยวต่างเมืองค่ะ  ( คนที่ไปเริ่มไปเรียนปีแรกที่เมืองจีนเดือนกันยายนจะโอดโอยกันมาก  เพราะจะมีหยุดวันชาติสิบวัน   ซึ่งเราจะออกนอกเมืองไม่ได้  ขึ้นรถไฟไม่ได้  เครื่องบินก็ด้วย  เพราะเราไม่มีพาสปอร์ตนั่นเอง  แต่ถ้าอยู่มาสองสามปีขึ้นไปจะรู้ว่า  สิบวันที่หยุดนั้นนอนเล่นอยู่หอ  เดินเล่นแถวหอดีที่สุด  เพราะไปไหนคนก็เยอะไปหมด )

9  เมื่อถึงเวลาลงทะเบียน  ต้องเช็คเอกสารให้เรียบร้อย  ทางมหาวิทยาลัยกำหนดให้ส่งใบอะไรบ้าง  ใบไหนต้องใช้ตัวจริงใบไหนต้องใช้สำเนา  เอาไปให้ครบนะ  เช็คให้ดีโดยเฉพาะใบตรวจสุขภาพห้ามเป็นชุดสำเนา  ต้องเป็นชุดจริงเท่านั้น  ถ้าหากมีสำเนาแม้แต่หน้าเดียวจะต้องตรวจใหม่ที่เมืองจีน  เสียค่าใช้จ่ายประมาณ 600 หยวน  ได้ข่าวว่าเจาะเลือดเจ็บมากด้วยนะ

10  เมื่อเอกสารครบแล้ว  ลุยโลดเลยค่า  ไปลงทะเบียนเรียนได้แล้วพร้อมรับหนังสือเรียนเตรียมเปิดเทอม


***วิธีการลงทะเบียนเรียนในข้างต้นอาจไม่เหมือนกันทุกมหาวิทยาลัย  แต่ก็เป็นแบบอย่างการเตรียมเอกสารสำคัญตั้งแต่อยู่เมืองไทยจนถึงช่วงลงทะเบียนเรียนที่จีนค่ะ

***ข้อมูลการขอวีซ่าจีน  จากเว็บไซต์สถานทูตจีนประจำประเทศไทย ข้อมูลวีซ่าจีน
Previous
Next Post »

1 ความคิดเห็น:

Write ความคิดเห็น
Pop_puwadon
AUTHOR
21 ตุลาคม 2561 เวลา 20:12 delete

ผมจะไปเรียนต่อภาษาจีนที่คุนหมิง เดือนธันวาคม61 ผมตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลจุฬาครบทุกอย่าง ผมจำเป็นต้องไปตรวจสุขภาพร่างกายที่นั้นอีกไหม

Reply
avatar